ร้อนใน เป็นอาการที่ขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะมาจากพฤติกรรมการกิน และการดำรงชีวิตที่ไม่เหมาะสม โดยจะส่งผลความร้อนในร่างกายเกิดความไม่สมดุลกัน จึงเกิดเป็นแผลในบริเวณช่องปาก และลิ้น เมื่อเป็นแล้วสร้างความเจ็บปวดทรมาน รบกวนจิตใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะทานอะไรก็สร้างความรู้สึกเจ็บปวดให้ทุกที
————– advertisements ————–
ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกับอาการร้อนในกันเลยดีกว่า ว่าแท้จริงแล้วนั้นร้อนในคืออะไร ร้อนในเกิดจากอะไร และเมื่อเป็นแล้วจะแก้ร้อนในในช่องปากได้อย่างไร รวมถึงอาหารแก้ร้อนในนั้นจะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลยเพื่อการรักษาอาการร้อนในได้อย่างถูกวิธี
ร้อนในคืออะไร?
ร้อนใน คือ เป็นอาการที่เกิดจากความร้อนในร่างกายไม่สมดุลกัน จึงเกิดเป็นตุ่ม หรือแผลขึ้นในบริเวณช่องปาก โดยร้อนในเป็นเพียงอาการความผิดปกติอย่างหนึ่งของสุขภาพที่ไม่ใช่โรค และไม่สามารถติดต่อกันได้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังไม่มีอันตรายร้ายแรงมากมายต่อร่างกาย เพียงแต่สร้างความรู้สึกเจ็บปวด ทรมานในปาก รวมถึงสร้างความรำคาญใจโดยเฉพาะเวลาทานอาหารจะส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
แผลร้อนในคืออะไร

แผลร้อนในที่ด้านในของริมฝีปาก
แผลร้อนในหรือโรคแผลร้อนใน (Aphthous ulcer) คือ โรคทางช่องปากชนิดหนึ่ง โดยจะมีแผลภายขนาดเล็กเกิดขึ้นในช่องบริเวณช่องปาก ซึ่งเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบได้บ่อยในผู้หญิงช่วงเป็นประจำเดือน และเป็นโรคที่ไม่ส่งผลอันตรายมากมายต่อร่างกาย เพียงแต่สร้างความเจ็บปวดทรมาน รบกวนจิตใจเหมือนกับอาการร้อนในเท่านั้น และสามารถหายเองได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
ร้อนในที่ลิ้น
ร้อนในที่ลิ้นเป็นอาการอย่างหนึ่งของโรคแผลร้อนใน ซึ่งส่วนมากนั้นโรคแผลร้อนในมักจะก่อให้เกิดแผลเปื่อยในบริเวณเนื้อเยื่อริมฝีปากด้านใน กระพุ้งแก้ม และที่พบบ่อยที่สุดคือบริเวณลิ้น สร้างความเจ็บปวดทรมานให้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาทานอาหาร

แผลร้อนในที่ลิ้น
โดยคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดโดยคิดว่าแผลร้อนในและร้อนในนั้นคือสิ่งเดียวกัน แต่แท้จริงแล้วแตกต่างกันอย่างมากเลยทีเดียว เนื่องจากร้อนในเป็นเพียงอาการทางช่องปาก ส่วนแผลร้อนในนั้นเป็นโรคทางช่องปาก แต่ทั้งสองอย่างนี้ต่างก็สร้างความเจ็บปวดทรมานในบริเวณช่องปากได้เช่นกัน
ร้อนในเกิดจากอะไร
โดยอาการร้อนในนั้นในปัจจุบันยังไม่สามารถทราบถึงสาเหตุการเกิดที่ชัดเจนได้ แต่ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่
– การพักผ่อนไม่เพียงพอ
– การนอนดึก
– ความเครียด
– การทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน รวมถึงอาหารประเภทของมัน ของทอดมากในปริมาณที่มากเกินไป
– ร่างกายขาดสารอาหาร
– การทานอาหารรสจัดมากเกินไป
– การสูบบุหรี่
– การดื่มน้ำน้อยเกินไป
– อาจเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงช่วงที่เป็นประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง

การนอนดึก หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดร้อนใน
ลักษณะของอาการร้อนใน
โดยผู้ที่มีอาการร้อนในนั้นจะเกิดแผล หรือช่วงแรกอาจเกิดตุ่มแดงขนาดเล็กในช่องปาก บริเวณริมฝีปากด้านใน กระพุ้งแก้ม หรือขอบลิ้น และหลังจากนั้นตุ่มแดงก็จะกลายเป็นสีแดงนูน ส่งผลให้มีอาการปวดบวม และรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกสัมผัส โดยอาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ก็สามารถหายไปได้เอง
วิธีรักษาอาการร้อนใน
อาการร้อนในเป็นอาการที่ไม่ส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย และสามารถหายเองได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยสามารถรักษาได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ดังต่อไปนี้
การบ้วนปากแก้ร้อนใน – โดยการใช้น้ำเกลือบ้วนปาก เพื่อช่วยลดอาการอักเสบของแผล รวมถึงฤทธิ์ของเกลือสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้
ยาแก้ร้อนใน – โดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นยาที่ใช้รักษาอาการร้อนในจะเป็นตัวยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ชนิดทา เพื่อลดอาการอักเสบ และบรรเทาความเจ็บปวด ซึ่งยาเหล่านั้นได้แก่
– ไตรแอมซิโนโลน อะเซทโทไนด์ (Triamcinolone acetonide)ซึ่งเป็นยาชนิดขี้ผึ้ง โดยใช้ทาวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
– ฟลูโอซิโนโลน อะเซทโทไนด์ (Fluocinolone acetonide) ซึ่งเป็นยาที่มีทั้งชนิดทา และชนิดสารละลาย
– คลอร์เฮ็กซิดีน กลูโคเนต (Chlorhexidine gluconate) ซึ่งเป็นยที่ใช้บ้วนปาก โดยใช้อมวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 นาที หลังอาหาร
การแก้ร้อนในด้วยสมุนไพร – ในปัจจุบันมีทั้งสมุนไพรที่ใช้รักษาในรูปแบบตัวยา ทั้งชนิดแคปซูล และชนิดชง หรืออาจจะรักษาด้วยการเลือกทานอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาก็ได้ โดยสมุนไพรที่ใช้รักษาอาการร้อนในส่วนใหญ่จะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น ได้แก่ ใบบัวบก มะระขี้นก ว่านรางจืด หญ้าปักกิ่ง มะระ ชะอม แตงกวา ผักกาดขาว หัวไชเท้า มะเฟือง อ้อย ส้มโอ มังคุด ตำลึง มะตูม เก๊กฮวย รากบัว หล่อฮังก๊วย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มีฤทธิ์ดับร้อน ซึ่งสามารถใช้รักษาอาการร้อนในได้เช่นกัน

อาการร้อนในและแผลร้อนในมักหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
วิธีป้องกันอาการร้อนใน
อาการร้อนในเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกได้ว่าสุขภาพเริ่มมีปัญหา ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอาการร้อนในจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และใช้ชีวิต ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทุก 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่นอนดึก แปรงฟันอย่างถูกวิธี และดื่มน้ำเปล่าวันละ 7 – 8 แก้วต่อวัน เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้ร่างกายห่างไกลอาการร้อนในได้แล้ว

ร้อนในสามารถป้องกันได้ด้วยการดื่มน้ำมากๆและนอนให้เพียงพอ
จะเห็นได้ว่าอาการร้อนในเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเมื่อเป็นแล้วสร้างเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หรือการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ ห่างไกลโรคภัย
-------------- advertisements --------------